Page 63 - VacationistDec19
P. 63
กรุงแตกขึ้นใหม่ทั้งอาราม การปฏิสังขรณ์และการก่อสร้าง
ครั้งนั้นกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท (บุญมา) พระอนุชา
ได้ทรงร่วมปฏิสังขรณ์และก่อสร้างพระอุโบสถ พระเจดีย์ และ
หมู่กุฏิทั้งหมดด้วย เมื่อการบูรณปฏิสังขรณ์แล้วเสร็จพระองค์
ได้พระราชทานนามใหม่วัดว่าวัดทองตามชื่อของพระชนกนาถ
(ทองดี) และพระราชมารดา (ดาวเรือง) ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อ
เป็น “วัดสุวรรณดาราราม” และได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์วัดนี้
ต่อมาตามล�าดับ โดยก่อสร้างพระวิหารเจดีย์ ก�าแพงแก้ว และ
ปูชนียสถานอื่นๆ ถือว่าวัดสุวรรณดารารามแห่งนี้คือพระอาราม
แห่งราชวงศ์จักรี
พระอุโบสถยังเป็นโครงสร้างสมัยอยุธยาที่มีฐานแอ่นเป็น
ท้องส�าเภา หลังคาพระอุโบสถประดับช่อฟ้าใบระกา หางหงส์
หน้าบันท�าด้วยไม้สัก แกะสลักลายกนกเป็นรูปนารายณ์ทรงครุฑ
ปิดทองประดับกระจกตลอด เฉพาะคันทวยนั้นประดับรับเชิง
ชายคาพระอุโบสถทุกตัว ได้แกะสลักเป็นลายนกพันรอบทวย
ลวดลายอ่อนช้อยงดงาม ภาพจิตรกรรมในพระอุโบสถซึ่งมีอายุ
กว่า ๒๐๐ ปี เขียนเรื่องพุทธประวัติ ไตรภูมิ ทศชาติชาดก การ
ล�าดับภาพคือฝาผนังด้านข้างแบ่งเป็นสองส่วนคือส่วนบนเหนือ
ขอบหน้าต่าง เขียนภาพเทพชุมนุม ๒ ชั้นชั้นละ ๑๖ องค์ ชั้นบน
เป็นรูปเทพ ชั้นล่างเป็นรูปเทพและยักษ์ซึ่งเทพชั้นนี้ถือเป็น
เทพชั้นต�่าสุดเทพทุกพระองค์พนมมือหันหน้าไปทางองค์พระประธาน
ภาพส่วนล่าง ที่ห้องภาพระหว่างช่องหน้าต่างเป็นภาพเรื่องทศชาติ
ชาดก ส่วนฝาผนังด้านหน้าเป็นภาพพุทธประวัติ ตอนมารวิชัยที่มี
ขนาดใหญ่ จากนั้นก็ตามรอยไปยังสถานที่ก�าเนิดของพระชนกนาถ
ในรัชกาลที่ ๑ ในสมัยพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระที่เมืองอุไทยธานี ซึ่ง
ยังเหลือร่องรอยชุมชนใหญ่ในสมัยอยุธยาที่เคยเป็นทางออกของ
เมืองหน้าด่านแห่งนี้อยู่ คือ บ้านท่าซุง ชุมชนที่เคยเป็นบ้านท่าของ
เมืองอุไทยธานี และเป็นท่าล�าเลียงของป่า มูลค้างคาวและไม้ซุง ใน
สมัยรัชกาลที่ ๓ นั้นเคยเป็นแหล่งถลุงแร่เหล็ก
ส่งออก ครั้นเมื่อเลิกกิจการถลุงเหล็กคนท่าซุง
จึงพากันตั้งบ้านเรือนใหม่ที่บ้านสะแกกรัง
ซึ่งต่อมาเป็นชุมชนใหม่และเป็นที่ตั้งของ
ตัวจังหวัดอุทัยธานีในที่สุดเมื่อ พ.ศ. ๒๓๙๑
โดยมีแม่น�้าสะแกกรังเป็นแม่น�้าสายชีพที่
สร้างสีสันแห่งความร่มเย็นและมีพระอนุสาวรีย์
สมเด็จพระชนกนาถในรัชกาลที่ ๑ เป็นหลักชัย
อันศักดิ์สิทธิ์ให้ชาวอุทัยธานีมีความสุขมา
จนทุกวันนี้
www.VacationistMag.com December 2019 | Vacationist | 63