Page 21 - Vacationist July17
P. 21
ก็ระเบิด ท�าให้ลาวาไหลคลุมทับชั้นหินจากเถ้าถ่านเดิม จนในที่สุด
กลายเป็นแผ่นดินใหม่ขึ้นมา พอเวลาผ่านไป กระแสลม พายุฝน และ
หิมะ กัดกร่อนจนก�าเนิดเป็นร่องของหุบเขา รวมถึงแท่งหินรูปร่าง
ประหลาดตา คล้ายปล่องไฟของนางฟ้าที่อาศัยอยู่ใต้ดิน (fairy
chimney) ส่วนตัวผมออกแนวตลกบริโภค มองยังไงก็เหมือนเห็ด และ
ด้วยความแปลก เป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียวในโลกเช่นนี้ ยูเนสโกจึงได้
ขึ้นทะเบียนแคปพาโดเชีย เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรม
แห่งแรกของประเทศตุรกี ในปี ค.ศ.1985
ที่ท่องเที่ยวหลักของเมืองเกอเรเม่ คงหนีไม่พ้นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง
เกอเรเม่ (Goreme Open air museum) ในอดีตเมืองเกอเรเม่
เป็นศูนย์กลางการเผยแผ่ศาสนาในช่วงศตวรรษที่ 9 ที่ส�าคัญมาก
แห่งหนึ่ง มีการขุดเป็นเหมือนเมืองใต้ดินโดยขุดลงไปใต้ดิน 7 - 8 ชั้น
ภายในมีแบ่งเป็นห้องต่างๆ มากมาย ทั้งห้องครัว ห้องนอน ห้องเก็บของ
ห้องนั่งเล่น แม้จะอยู่ใต้ดินแต่ก็มีระบบระบายอากาศที่ดี มีการปิดทาง
เข้าออกแน่นหนาปลอดภัย ต่อมาชาวคริสต์ซึ่งหลบหนีการข่มเหงจาก
พวกโรมันได้เข้ามาอาศัย และพัฒนาเมืองใต้ดินต่อโดยการสร้างโบสถ์
หลายแห่งภายในเมืองจอมปลวกใต้ดินเหล่านี้ มากกว่า 30 แห่ง
ปัจจุบันทางรัฐบาลของตุรกีได้เข้ามาบูรณะจัดการจนเป็นพิพิธภัณฑ์
กลางแจ้งแห่งเกอเรเม่ขึ้น จนกระทั่งในปี ค.ศ.2006 ยูเนสโกลงมติให้
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นมรดกโลกอีกหนึ่งแห่งของประเทศตุรกี
ในบรรดาโบสถ์ที่เรียงรายกันอยู่ โบสถ์เด่นๆ ในสายตาผมคงเป็น
โบสถ์เซนต์เอลมาลิ (Elmali Kilise) หรือที่รู้จักกันคือโบสถ์แอปเปิ้ล
(Apple Church) เรียกชื่อตามต้นแอปเปิ้ลที่ปลูกไว้ด้านหน้าโบสถ์
สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1050 โดยมีเสาขนาดไม่เท่ากันจ�านวน 4 เสา
|
July 2017 Vacationist 21
www.VacationistMag.com